ซื้อบ้านโครงการร่วมกับคนในครอบครัว ต้องเตรียมตัวยังไง?
ซื้อบ้านโครงการร่วมกับคนในครอบครัว ต้องเตรียมตัวยังไง?
การซื้อบ้านโครงการร่วมกับคนในครอบครัว เช่น คู่สมรส พ่อแม่ หรือพี่น้อง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสในการกู้ซื้อบ้านได้วงเงินสูงขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ราคาบ้านสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็มีรายละเอียดทางกฎหมายและการบริหารจัดการที่ต้องใส่ใจอย่างรอบคอบ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ขั้นตอนและการเตรียมตัว หากคุณกำลังวางแผนจะ ซื้อบ้านโครงการร่วมกับคนในครอบครัว เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว
✅ 1. เข้าใจรูปแบบการซื้อร่วม
การซื้อบ้านร่วมกันสามารถทำได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และวัตถุประสงค์ เช่น:
ซื้อร่วมกับคู่สมรส: กรณีจดทะเบียนสมรส บ้านจะถือเป็นสินสมรส (หากไม่ได้ระบุอื่นไว้ในสัญญา)
ซื้อร่วมกับพ่อแม่หรือพี่น้อง: มักใช้ในกรณีที่ต้องการเพิ่มรายได้ในการยื่นกู้
สิ่งสำคัญคือ ต้องตกลงให้ชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้าน ใครรับผิดชอบค่าผ่อน และจะบริหารจัดการบ้านร่วมกันอย่างไร
✅ 2. ตรวจสอบคุณสมบัติผู้กู้ร่วม
หากต้องการยื่นกู้ร่วมกับคนในครอบครัว ควรตรวจสอบคุณสมบัติของผู้กู้ร่วมก่อน เช่น:
รายได้ต่อเดือน
ภาระหนี้สินที่มีอยู่
ประวัติเครดิต (เครดิตบูโร)
อายุ (อายุของผู้กู้ร่วมมีผลต่อระยะเวลากู้สูงสุด)
ตัวอย่าง: หากคุณอายุ 30 ปี และพ่ออายุ 55 ปี การกู้ร่วมอาจทำให้ระยะเวลากู้สั้นลง เพราะธนาคารจะพิจารณาตามอายุของผู้กู้ที่อายุมากที่สุด
✅ 3. เอกสารที่ต้องใช้ในการซื้อบ้านร่วม
การซื้อบ้านร่วมกันจะต้องใช้เอกสารจากทุกคนที่ร่วมซื้อ ดังนี้:
สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน
เอกสารแสดงรายได้ (สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ statement ย้อนหลัง 6 เดือน)
สำเนาทะเบียนสมรส (หากมี)
เอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาระหนี้อื่นๆ (ถ้ามี)
✅ 4. วางแผนด้านภาษีและกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจน
ควรตกลงให้แน่ชัดว่า ใครถือกรรมสิทธิ์ในสัดส่วนเท่าใด เพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต เช่น:
ถือครองร่วมในชื่อหลายคน (ตามสัดส่วน)
ตั้งผู้ถือกรรมสิทธิ์เพียงคนเดียว (แต่แบ่งหน้าที่ผ่อนหรือร่วมจ่าย)
แนะนำ: หากไม่ได้เป็นคู่สมรส ควรทำสัญญาแยกแนบท้ายกับโครงการหรือนิติกร เพื่อระบุการแบ่งกรรมสิทธิ์อย่างชัดเจน และควรเตรียมปรึกษาทนายหากซื้อร่วมในรูปแบบการลงทุน
✅ 5. วางแผนการเงินและการผ่อนร่วม
ควรมีการวางแผนร่วมกันในเรื่อง:
การแบ่งภาระผ่อนรายเดือน
การจัดการเมื่อคนใดคนหนึ่งไม่สามารถผ่อนต่อ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าซ่อมแซม
เคล็ดลับ: การเปิดบัญชีร่วมสำหรับการผ่อนบ้านจะช่วยให้ติดตามค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน และลดปัญหาเรื่อง “ลืมโอน” หรือ “จ่ายไม่ตรงงวด”
✅ 6. ทำความเข้าใจข้อดี-ข้อเสียของการซื้อร่วม
ข้อดี:
เพิ่มโอกาสอนุมัติวงเงินกู้
แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
มีคนช่วยดูแลบริหารจัดการบ้านร่วมกัน
ข้อควรระวัง:
อาจเกิดปัญหาในอนาคต หากผู้กู้ร่วมเกิดเปลี่ยนใจ หรือไม่สามารถผ่อนต่อ
อาจมีความขัดแย้งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์และการบริหารจัดการ
✅ 7. หาข้อมูลโครงการที่รองรับการซื้อบ้านร่วม
บางโครงการอาจมีเงื่อนไขพิเศษหรือโปรโมชันสำหรับการซื้อร่วม เช่น:
ฟรีค่าจดจำนอง
ผ่อนดาวน์ 0% นาน 24 เดือน
สิทธิ์เลือกแปลงบ้านพิเศษ
จึงควรสอบถามจากโครงการให้ชัดเจนว่า รองรับการซื้อร่วมและการกู้ร่วมหรือไม่
สรุป
การซื้อบ้านโครงการร่วมกับคนในครอบครัว เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมี ความชัดเจนในเรื่องการเงิน กรรมสิทธิ์ และความสัมพันธ์ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต
การวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ คือกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้การซื้อบ้านร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวในระยะยาว
เลือกบ้านโครงการที่น่าสนใจติดต่อเรา : www.trangvillage.com
